หากคุณประสบปัญหากุญแจรถ (http://www.therainykitchen.com/485/)แบบ Push Start แบตหมด จนเครื่องยนต์ไม่ติด หรือไม่สามารถปลดล็อกประตูได้ ไม่ต้องกังวล คุณสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้:
ขั้นตอนแก้ไขเมื่อกุญแจ Push Start (http://www.therainykitchen.com/485/) แบตหมด(https://s.isanook.com/au/0/ud/18/94495/new-thumbnail1200x720-2025-.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp)[ol]
- ใช้กุญแจสำรอง
[ul]
- รีโมตรถสมัยใหม่มักมีกุญแจสำรองซ่อนอยู่ในตัวรีโมต
- แกะส่วนพลาสติกหรือกดปุ่มเพื่อดึงกุญแจสำรองออกมา ใช้ไขประตูตามปกติ
- หมายเหตุ: การเปิดประตูด้วยกุญแจสำรอง อาจทำให้สัญญาณกันขโมยดัง ถือเป็นเรื่องปกติ
[/ul]
- ค้นหาเซ็นเซอร์ในรถ
[ul]
- ในรถแต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งเซ็นเซอร์ที่รับสัญญาณจากกุญแจรีโมต
- เซ็นเซอร์มักอยู่ใกล้ปุ่ม Push Start หรือบริเวณคอพวงมาลัย
- ให้สังเกตสัญลักษณ์รูปกุญแจพร้อมลูกศร หรือศึกษาคู่มือรถ
[/ul]
- แตะรีโมตที่เซ็นเซอร์
[ul]
- นำกุญแจรีโมตที่แบตหมดไปแตะที่บริเวณเซ็นเซอร์ที่ค้นพบ
[/ul]
- สตาร์ทรถตามปกติ
[ul]
- เหยียบเบรกค้างไว้แล้วกดปุ่ม Push Start เครื่องยนต์จะทำงานตามปกติ
[/ul]
- เปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที
[ul]
- หลังขับรถถึงจุดหมาย ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ในรีโมต เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในครั้งถัดไป
[/ul]
[/ol]
ทำไมแตะเซ็นเซอร์แล้วสตาร์ทได้?ระบบกุญแจแบบ Smart Key มีชิปฝังอยู่ภายใน ซึ่งเก็บข้อมูลที่เชื่อมโยงกับรถ แม้แบตในรีโมตจะหมด ชิปยังคงทำงานเมื่อแตะที่เซ็นเซอร์
วิธีป้องกันปัญหาในอนาคต[ul]
- หากรถแจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่รีโมตอ่อน ควรรีบเปลี่ยนทันที
- พกแบตเตอรี่สำรองไว้ในรถ เพื่อความสะดวกหากเกิดปัญหา
[/ul]
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ จะช่วยให้คุณแก้ปัญหากุญแจ Push Start แบตหมดได้อย่างง่ายดาย!